วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

ความสำเร็จเล็กๆ ที่เป็นก้าวแรกของชีวิต

      เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา ลูกสาวผมเรียนจบอนุบาล 3 ทางโรงเรียนพงศ์สิริวิทยาซึ่งเป็นโรงเรียนที่ลูกสาวผมเรียนอยู่ เขาจัดงานพิธีมอบวุฒิบัตรให้ด้วย และผมก็มีโอกาสไปร่วมงานกับเขาด้วยเหมือนกัน ก็ยกขบวนกันไปแสดงความดีใจทั้งครอบครัวเลยครับ ทั้งคุณพ่อคุณแม่น้องสาวจอมดื้อ คนเป็นพ่ออย่างผมเห็นแล้วก็อดที่จะปลื้มใจไม่ได้ครับ ถึงแม้จะเป็นเพียงความสำเร็จเล็กๆ ซึ่งเป็นก้าวแรกในชีวิตของลูกสาวผมก็ตาม เพราะว่าเขายังต้องก้าวต่อไปอีกหลายขั้นหลายตอนถึงจะประสบความสำเร็จสูงสุดของชีวิต และการจัดงานแบบนี้ในแง่มุมของผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีนะครับ ถึงแม้บางท่านจะเห็นแย้งก็ไม่ว่ากันครับ เพราะทุกท่านมีมุมมองที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องเชื่อและเคารพในแง่มุมความคิดของแต่ละท่านด้วย
        สำหรับผมที่เห็นว่าดีก็เพราะว่า ประการที่หนึ่ง การจัดงานแบบนี้มันจะสามารถสร้างความภาคภูมิใจสร้างเป้าหมายในการเรียนของเด็กๆได้ดี ทำให้เด็กๆเขามองเห็นเป้าหมายและความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน และเป็นขั้นเป็นตอนครับ
         ประการที่สอง ผมคิดว่ามันจะทำให้เด็กๆเกิดความสนุกสนานที่พวกเขาสามารถที่จะผ่านด่านความสำเร็จได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน รวมถึงพวกเขาจะมีความมุ่งมั่นมุมานะที่จะมุ่งไปสู่ความสำเร็จในขั้นต่อๆไปด้วย ส่วนตัวผมย้อนกลับไปในสมัยผมยังเด็กๆ ไม่มีโอกาสได้เรียนอนุบาลกับเขาหรอกครับ เข้าโรงเรียนครั้งแรกก็สตาร์ทกันที่ ป.1 เลย ไปโรงเรียนครั้งแรกๆก็ร้องให้ร้องห่มกันขี้มูกโป่งหลายวันกว่าจะคุ้นเคยกับการไปโรงเรียน พอเรียนจบแต่ละขั้นก็ไม่มีการจัดงานรับวุฒิบัตรหรอกครับ อย่างเก่งก็มีครูใหญ่มามอบให้ในหอประชุมของโรงเรียน ซึ่งบางคนที่เรียนจบแล้วแต่ไม่ได้คิดจะไปเรียนต่ออีก ถึงกับลืมรับวุฒิบัตรกลับบ้านเลยก็ยังมี พอเวลาจะไปสมัครงานสมัครการกันทีต้องย้อนกลับไปขอคัดลอกวุฒิบัตร รบ. กันวุ่นวายไปหมด
     แต่ว่าข้อเสียในการจัดงานแบบนี้ก็มีเหมือนกันนะครับ ข้อเสียอย่างเดียวเลยก็คือต้องใช้เงินครับ ซึ่งผู้ปกครองบางท่านที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดงานทางโรงเรียนเขาก็ไม่บังคับหรอกครับ แต่ผมเห็นส่วนใหญ่ก็จะเข้าร่วมงานกันเกือบหมดทุกคนครับ ผู้ปกครองบางท่านผมเห็นตื่นเต้นหน้าบานเป็นกระด้งมากกว่าลูกๆ ที่เป็นเจ้าของงานเสียอีก และหนึ่งในผู้ปกครองที่เป็นแบบนั้นก็น่าจะมีผมรวมอยู่ด้วยนะครับ  แบบว่ามันปลื้มใจกับลูกนะครับ




        ผมเคยอ่านหนังสือของท่านมหา ว.วชิรเมธี เรื่อง "หน้าที่-หน้าทำ" มีอยู่ตอนหนึ่งที่ท่านบอกถึงหน้าที่ของพ่อแม่อย่างเรา และหน้าที่ของลูกๆ อย่างหน้าเอาไปปฎิบัติครับในหนังสือบอกว่า
       หน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องทำต่อลูกก็คือ
1. สอนให้หนีห่างจากความชั่ว
2. ฝึกให้ตั้งตัวอยู่ในความดี
3. วางรากฐานแห่งชีวิตด้วยการศึกษา
4. ช่วยพิจารณาเมื่อจะเลือกคู่ชีวิต
5. มอบสมบัติให้เป็นกรรมสิทธิ์เมื่อถึงเวลาอันสมควร

  ส่วนหน้าที่ของลูกๆที่ควรปฎิบัติต่อพ่อแม่ก็คือ
1. ท่านเลี้ยงเรามาแล้วเราต้องเลี้ยงท่านตอบ
2. สนองงานในระบอบของท่าน
3. สืบสานวงศ์สกุล
4. รักษาต้นทุนแห่งความเป็นทายาท
5. ไม่ประมาทคอยทำบุญเมื่อท่านล่วงลับ


         ก็ถือเป็นการเล่าสู่กันฟังนะครับ ไม่มีอะไรมาก ใครมีข้อคิดเห็นอย่างอื่นก็สามารถแลกเปลี่ยนกันได้ครับ โดยฝากข้อความแสดงความคิดเห็นไว้ครับ ผมยินดีรับฟังความคิดเห็นทุกๆความเห็นครับ
         สุดท้ายสำหรับบทความนี้นะครับ ผมก็ขอให้ผู้ที่เข้ามาชม Blog Story Plain For Me ทุกท่านโดยเฉพาะผู้ที่เป็นพ่อ เป็นแม่แล้วเหมือนกับผม จงมีแต่ความสุขสมหวัง ไม่เจ็บไม่ไข้ร่ำรวยเงินทอง มีลูกเลี้ยงง่ายเชื่อฟังพ่อแม่ ไม่ดื้อไม่ซนทุกคนครับ สวัสดีครับ





2 ความคิดเห็น:

  1. ก็แค่อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ...ไม่มีเจตนาจะโน้มน้ามให้มีความคิดเห็นเหมือนกัน

    ตอบลบ
  2. ชมแล้วช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ

    ตอบลบ