วันนี้ว่างๆเ ลยเอารูปเก่าๆ ที่ถ่ายเก็บไว้ออกมาทำความสะอาดเจอรูปงานบวช ภาพเกือบเสียซะแล้วเพราะเก็บไว้ไม่ค่อยดี โดนแดดส่องบ้าง โดนความชื้นบ้าง เลยลองเปิดดูด้านใน หลังจากดูแล้วรู้สึกหดหู่หัวใจอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะเป็นความทรงจำที่ดี ที่เกิดมาครั้งหนึ่งได้บวชเรียนกับเขาเหมือนกัน หรือว่าบวชเพราะหน้าที่ ที่ต้องบวชตามหลักผู้ที่นับถือศาสนาพุทธกันแน่ เอาเป็นว่าจะเล่าให้ฟัง ย้อนหลังไป 19 ปี ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2534 ณ บ้านเลขที่ 368 หมู่ 9 ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร บริเวณนี้คนท้องถิ่นจะรู้จักดีในชื่อว่า หมู่บ้านโคนเหนือ หรืออีกชื่อคือบ้านหมู่มอญ ที่เรียกแบบนี้อาจเป็นเพราะคนในหมู่บ้านนี้ส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อชาติมอญที่อพยพมาจับจองพื้นที่ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายแล้ว พวกเขาอพยพมาจากแถวอำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี สภาพบ้านที่จัดงานก็ เป็นบ้านไม้ค่อนข้างเก่า ลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น รอบๆ บ้านก็มีต้นไม้ผลไม้ดอก ปลูกอยู่รอบๆบ้าน ก็เหมือนๆกับบ้านที่อยู่ตามต่างจังหวัดทั่วๆไป เป็นบ้านของครูสมัย หรือที่ชาวบ้านเรียกชื่อแกว่าครูไหม ครูไหมเป็นครูเก่าแก่ที่สอนโรงเรียนประถมเล็กๆ อยู่ที่บ้านท่าตะคร้อ ก็เป็นหมู่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆกันกับบ้านโคนเหนือ แก่สอนนักเรียนมานานจนลูกศิษย์ลูกหาเติบโตไปประกอบสัมมาอาชีพเยอะแยะแล้ว บ้างก็ได้เป็นตำรวจ ทหาร ครูบาอาจารย์ก็มี ครูไหมแกมีภรรยาชื่อว่าประไพ หรือที่ชาวบ้านระแหวกนั้นเรียกว่าน้าไพบ้าง ป้าไพบ้างแล้วแต่อายุของคนเรียกแก น้าไพแกก็ประกอบอาชีพค้าขาย เล็กๆน้อย ตามประสาคนบ้านนอก เพราะบ้านแกตั้งอยู่หน้าโรงงานน้ำตาล ซึ่งก็พอจะมีคนงานแวะเวียนมาอุดหนุนบ้าง บางครั้งบางคราว ครูไหมและน้าไพแกมีลูก 2 คน คนโตเป็นผู้ชาย คนเล็กเป็นผู้หญิง ซึ่งวันนี้แกกำลังจัดงานบวชให้ลูกชายแก วันนี้แกทุ่มสุดตัวในการจัดงานเลย ถึงแม้ว่าแกจะเป็นครูบ้านนอก เงินเดือนนิดเดียว เงินเก็บก็มีเพียงน้อยนิด หนี้สินที่มีอยู่ก็มากมาย ทั้งหนี้สหกรณ์ครู หนี้นอกระบบ ที่แกยืมเขามาเพื่อใช้จ่ายในครอบครัว แต่วันนี้แกจะจัดงานใหญ่ให้เต็มที่เพื่อบวชลูกชายของแก วันนี้แกจ้างทั้งโต๊ะจีนเกือบ 60 โ๊ต๊ะึ่ซึ่งมีอาหารราคาแพงๆ ซึ่งยุคนั้นอาหารของโต๊ะจีนต้องมีไก่อบภูเขาไฟด้วยถึงจะขึ้นชื่อเรื่องโต๊ะจีน อีกทั้งต้องมีอีเลคโทน นักร้องคาเฟ่เต็มวง จ้างภาพยนต์จอใหญ่ฉายจนแจ้งคาตา จ้้่างหมอทำขวัญมีชื่อ ทั้งหมอชาย หมอหญิง ตอนทำขวัญต้องมีวงระนาดมอญวงใหญ่บรรเลง ตอนแห่นาคไปวัดต้องมีวงแคนวง ซึ่งฮิตสุดๆในขณะนั้น ค่าใช้จ่ายในการจัดงานก็คงแสนกว่าๆ ในสมัยนั้นเงินจำนวนขนาดนี้มันแพงเอาเรื่องเหมือนกันนะ ทั้งนี้เพื่อจัดงานบวชให้ลูกชายแก ลูกชายที่เป็นหัวแก้วหัวแหวนของแก หรือที่ชาวบ้านในระแหวกนั้นเรียกว่า "ไอ้ต้อย" ชื่อจริงของต้อย ที่ครูไหมแกตั้งให้ ชื่อนายธีระ พันธมนต์ ซึ่งกว่าจะตั้งได้ต้องปรึกษาพระดังๆหลายรูป ตอนนั้นอายุของต้อยครบบวชแล้ว ต้อยก่อนนี้ก็เป็นเด็กหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่งในหมู่บ้าน ที่เที่ยวเตร่เกะกะระรานชาวบ้านบ้างในบางครั้ง ตีหัวหมาด่าแม่เจ็กบ้างในบางคราว กินเหล้าเมายาบ้างตามประสาหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่ง ต้อยเรียนจบแค่ ปวส.ช่างยนต์ ทั้งที่น่าจะเรียนจบสูงกว่านี้ เพราะพ่อก็เป็นถึงครูบาอาจารย์ ตอนนั้น ต้อยทำงานโรงงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี ทำงาน 2 ปีกว่าๆ กลับบ้านมาบวชไม่มีเงินกลับมาให้พ่อแม่สักบาท เพื่อช่วยเหลือพ่อแม่จัดงานบวชของตัวเอง ในวันจัดงานภาพที่เห็น จะเห็นว่าทั้งครูไหม น้าไพแกวิ่งวุ่นกับการจัดงานจนเหงื่อไหลท่วมตัว ข้าวปลาอาหารกินอิ่มบ้างไม่อิ่มบ้าง วุ่นวายกับการจัดงานทั้งวัน แต่แกก็มียังมีรอยยิ้มอย่างมีความสุขทั้งที่เหนื่อยแทบเป็นลม ในวัยที่อายุมากแล้วในขณะนั้น..
เหตุผลที่เขียนเรื่องราวและนำภาพเก่ามาประกอบ ก็เพราะพิจารณาดูแล้ว นี่มันบวช ทดแทนพระคุณหรือบวช เพื่อเพิ่มความเหนื่อยากให้ผู้มีคุณกันแน่..... ซึ่งหากย้อนเวลากลับไปได้.... ผมจะไม่ทำให้เหงื่อพ่อแม่ออกเลย... จะจัดงานบวชธรรมดาๆแบบข้าวหม้อแกงหม้อ และจะตั้งใจปฎิบัติตามหลักพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง เพื่อผลบุญจะได้ตกถึงพ่อแม่ อย่างที่ท่านตั้งใจ แต่ถึงคิดได้ก็คงไม่มีประโยชน์มากแล้ว เพราะปัจจุบัน ครูสมัย ได้เสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว.. ทำได้ก็เพียงทำบุญส่งส่วนกุศลไปให้ ซึ่งจะได้รับบ้างหรือปล่าวก็ไม่รู้ ในขณะที่น้าไพ หรือ แม่ ของผมก็อายุมากแล้ว จะอยู่ให้ลูกทดแทนพระคุณได้นานแค่ใหนก็ไม่รู้..ในการเขียน Blog ครั้งนี้ก็เพื่ออาจจะเป็นประโยชน์กับรุ่นน้องๆ ที่เป็นผู้ชายรุ่นหลังๆ ที่กำลังคิดจะจัดงานบวช ให้หยุดคิดสักนิดหนึ่งว่าเราจะบวชเพื่อ แทนคุณพ่อแม่ หรือจะบวชเพื่อให้คนที่มีพระคุณหรืือพ่อแม่ ต้องเหนื่อยล้า มากขึ้น... เพราะวัตถุประสงค์ในการจัดงานบวช พ่อแม่คงอยากเกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ยามต้องสิ้นชีวิต แต่ทำไมต้องให้ท่านต้องมาลำบากกับการจัดงานบวชที่เกินความจำเป็นด้วยเหล่า....
ตอนแห่นาคไปวัดรูปเก่ามากจนเกือบเสียแล้ว |
แห่นาควนรอบโบสถ์ |
ญาติ พี่น้อง สนุกสนาน ตามประสางานบวช |
สนุกสนานกันเต็มที่ ไม่รู้เพราะแสดงความยินดีหรือฤทธิ์ของน้ำเมา |
กายอาจจะเหนื่อยล้า แต่ใจมีความสุข สำหรับผู้ที่ได้บวชลูกชาย |
แคนวง เล่นกันเต็มที่ |
คนเต้นก็เต้นกันเต็มเหนี่ยว |
พ่อแม่เหนื่อย แต่ก็มีความสุข |
ขอขมา เสมาหน้าโบสถ์ |
ตาเจือ คนเก่าแก่ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องพิธีกรรมทางศาสนา |
พี่ชายก็ให้ขี่คอ.. ไอ้น้องรัก
พี่นนท์ให้น้องชายขี่คอรอบโบสถ์ |
ช่วงขอขมาเสมา หน้าโบสถ์ |
ตาเจือคนแก่ที่เชี่ยวชาญ เรื่องพิธีกรรมมาแนะนำ |
แม้แต่ในโบสถ์ พ่อแม่ก็ต้องคอยมอบโน่นมอบนี่ให้ |
ตาเจืออธิบายขั้นตอนต่างๆในพิธีกรรมต่อไป |
แม่จ๋า หรือยายนั่งเฝ้าตลอดพิธี |
ใบหน้าพ่ออิ่มเอมมาก แต่ใบหน้ามันเหยิมไปด้วยหยดเหงื่อ |
แม้แต่จะบวชพ่อแม่ก็ยังตามมามอบเครื่องอัฐบริขารให้ |
พ่อแม่มอบผ้าไตรจีวร |
ขอบวชกับพระอุปชา |
ระหว่างขอบวช |
เซ็นต์ใบสุทธิพระสงฆ์ และขอฉายา "ถาวรคุโน" |
กล่าวคำขอบวช "ขานนาค" |
เข้าวัด 3 วันก่อนบวชเพื่อท่องจำคำขานนาค |
เปลี่ยนจากชุดนาคเป็นพระสงฆ์ |
ร่างกายยังกำยำ ในช่วงวัย 20 ต้นๆ น่าจะใช้กำลังทำประโยชน์ให้พ่อแม่มากกว่านี้ |
พระพี่เลี้ยงช่วยห่มผ้าจีวร |
ห่มผ้าจีวร |
จากหนุ่มไร้สาระ กลายเป็นพระสงฆ์ |
ระหว่างห่มผ้าจีวร |
พระธีระ ถาวรคุโน |
ยืนท่องบทสวด คำขอบวช |
พระพี่เลี้ยง ท่องบทสวดถามเพื่อขอบวช |
ระหว่างตอบคำถามพระพี่เลี้ยง |
ท่องคำขอบวชนานเหมือนกัน |
พ่อส่งดอกไม้พุ่ม บาตร เพื่อเข้าไปขอบวช |
พ่อจ้างทั้งถ่ายภาพนิ่ง วีดีโอ มาถ่ายทำด้วย บวชลูกชายหัวแก้วหัวแหวน |
มอบดอกไม้พุ่มพระอุปชา |
ขอเข้าบวชกับพระพี่เลี้ยง รูปภาพไม่ต่อเนื่องเพราะนานมากแล้วอาจหลงลืมช่วงเวลา |
ช่วงนี้ก็ท่องคำขานนาค แสงออร่าเปล่งเชียว |
ช่วงขานนาค ท่องบทสวดโต้ตอบกับพระอุปชา |
ระหว่างพิธีขอบวช |
มีคำโบราณบอกว่าระหว่างกราบเพื่อขอบวช ถ้าไม่มีพ่อช่วยจับบาตรให้ บาตรจะกลิ้งมาโขกหัว แล้วจะทำให้นึกถึงพ่อ บางคนที่ไม่มีพ่อตอนบวชจะคิดถึงพ่อจนร้องให้โอเลยก็มี |
พระอุปชาสอน |
พระอุปชา สวดยัดระหว่างบวช |
เข้าสู่มนต์พิธีตามหลักพระพุทธศาสนา |
พ่อส่งน้ำเพื่อให้กรวด ทุกครั้งที่พ่อมอบอะไรให้ท่านจะคลานเข่ายกมือไหว้พระลูกชายตลอดเวลา |
กรวดน้ำ ส่งบุญกุศลให้ปู่ย่าตายาย ญาติสนิทมิตรสหารที่ล่วงลับไปแล้ว |
เป็นพระสงฆ์เต็มองค์แล้ว |
รับการทำบุญด้วยธูปเทียนดอกไม้ |
รับการทำบุญหน้าโบสถ์ |
พ่อส่งหมากของยายให้อม เป็นความเชื้อว่าพระบวชใหม่ๆ ศีลยังเต็มอยู่ครบ 227 ข้อ แม้แต่หมากที่อมก็จะเป็นสิ่งที่เป็นสิริมงคลด้วย เพราะยังไม่ก้าวไปเหยียบมด หรือมีโอกาสทำผิดศีลเลย |
แม่จ๋า หรือยายทำบุญดอกไม้ทั้งน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ |
กลับมาฉลองพระบวชใหม่ที่บ้าน |
พ่อก็ยังวิ่งวุ่นในการจัดงานอยู่เลย |
น้าสิทธิ์ มาช่วยบรรเลงวงระนาดวงใหญ่ด้วย |
พ่อก็วิ่งวุ่น ไม่มีเวลานั่งพักเลย |
เริ่มพิธีฉลองพระใหม่ |
จุดธูปเทียนหน้าพระประธาน |
พ่อก็ยังต้องจัดโน่นเตรียมนี่ต่อ เห็นเหงือของพ่อที่ไหลโทรมกายแล้ว ลูกรู้สึกบาปจนหาที่จะเปรียบได้ |
ภาพไม่ต่อเนื่อง ระหว่างจุดธูปเทียน |
พ่อกับแม่ตักบาตร |
พ่อก็ยังไม่หยุดวุ่นวายในการจัดงาน นี่ไม่รวมงานฉลองก่อนบวชที่ไม่มีรูปมาให้ดู ว่าพ่อกับแม่จะวุ่นวายขนาดไหน |
พ่อกับแม่ได้นั่งพักบ้างระหว่างฟังพระสวดมนต์ |
พ่อก็ยังต้องวุ่นต่อ |
กลับไปนั่งฟังพระสวดมนต์ต่อ |
แล้วก็ออกมาวุ่นอีกตามประสาเจ้าภาพ เสื้อของพ่อเปียกเหงื่อเกือบจะทั้งตัวแล้ว |
แล้วก็กลับไปนั่งฟังสวดมนต์ต่อ |
ประเคนอาหารพระ เสื้อพ่อก็ยังชุ่มไปด้วยเหงื่อ |
พระไหม่ก็ถวายจตุปัจจัยกับพระผู้ใหญ่ รูปนี้เป็นเจ้าคณะตำบลไตรตรึงย์ พ่อก็ไปนิมนต์มา |
ส่วนพระลูกชาย พ่อก็ประเคนให้ เหมือนกับที่ก่อนบวชพ่อก็ประเคนโน่นประเคนนี่ให้ |
ฉันอาหารเพลมื้อแรก |
พ่อก็ยังวุ่นต่อ |
พระไหม่นั่งพัก แต่พ่อยังไม่ได้พัก |
ภาพไม่ต่อเนื่อง ช่วงตอนกรวดน้ำ |
จะกลับวัดแล้ว พ่อก็ยังอาสาจะไปส่ง |
เตรียมตัวกลับวัด |
พระลูกชายกลับวัดแล้ว ส่วนแม่เพิ่งจะได้กินข้าว |
ผมไม่รู้หรอกว่าทั้งหมดที่จัดงานไป จะคุ้มค่าเหนื่อยของพ่อกับแม่หรือปล่าว แต่วันนี้ผมอายุ 40 กว่าๆแล้ว ผมรู้สึกสงสารพ่อกับแม่ที่สุด... และถ้าย้อนเวลาไปได้ผมจะไม่ทำอย่างนี้เด็ดขาด..
ครั้งหนึ่งในชีวิตลุกผู้ชาย
ตอบลบอ่านแล้วช่วยติชมด้วยนะครับ
ตอบลบอ่านเเล้วชอบครับ คล้ายกับวันบวชของผมเมือ 20ปีที่เเล้วเช่นกัน
ตอบลบ