วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วันแม่ ของผม

   สวัสดีครับ ทุกๆท่านที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชม Blog My Ordinary Story ของผม สำหรับบทความนี้ ที่ผมตั้งชื่อเรื่องว่า "วันแม่ ของผม" ทั้งๆที่เดือนนี้เป็นเดือนเมษายน ไม่ไช่เดือนสิงหาคมสักกะหน่อย ที่เป็นอย่างนี้ก็ เพราะว่าจริงๆ แล้ววันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมานี้ เป็นวันครบวันเกิดของผมเอง และที่ต้องทำอย่างนี้ก็เป็นเพราะ สองเหตุผลครับ เหตุผลแรกก็คือ แม่ของผมท่านไม่ทราบวันที่ และเดือนเกิดของตัวเองครับ เพราะช่วงที่ท่านเกิด ตากับยายของผมท่านจำวันที่และเดือนเกิดของแม่ผมไม่ได้ ท่านบอกว่าตากับยายของผมท่านมีลูกหลายคน และสมัยนั้นความรู้การศึกษาของผู้คนยังไม่สูงนัก และในจำนวนนั้นก็รวมทั้งตากับยายของผมด้วย ท่านเลยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการบันทึกและจัดเก็บข้อมูลสักเท่าไรนัก ดังนั้นแม่ของผมท่านเลยไม่มีบันทึกข้อมูลวันที่และเดือนเกิดของท่านในบัตรประชาชน ในบัตรประชาชนของท่านบันทึกเพียง พ.ศ. เิกิดเท่านั้น ดังนั้นผมจึงเอาวันครบวันเกิดของผมเป็นวันแม่ของผมด้วย
   เหตุผลที่สองคือ  ผมเห็นว่าในวันครบวันเกิดของเราทุกคนควรจะทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อทดแทนพระคุณของคุณแม่เราดีกว่า เพราะท่านต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมาน จวนเจียนเสียชีวิตในวันที่ท่านคลอดเราออกมาเป็นคนและใช้ชีวิตเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ ดีกว่าจะไปฉลองครื้นเคร่งให้หมดเงินหมดทอง ไร้สาระไปวันๆ







   ตั้งแต่ผมเกิดมา ตัวเล็กๆตีนเท่าฝาหอยจนเติบใหญ่มาเป็นมนุษย์อยู่ทุกวันนี้ ผมยังจดยังจำการแสดงความรัก ความห่วงใยจากแม่ของผมต่อลูกทุกๆคนได้ ทุกๆเหตุการณ์
   ผมยังจดจำความทุกข์ยากลำบากในการที่แม่ของผมต้องเลี้ยงดู ส่งเสียลูกๆให้ได้เรียนสูงๆ ดูดีทัดเทียมคนอื่นๆเขา ตามความสามารถที่แม่ผมจะพยายามทำให้ลูกๆได้ดีที่สุด
   ผมยังจำหยาดเหงื่อแรงงานของแม่ผมที่ท่านทำงานเพื่อแรกกับรายได้เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู ส่งเสียลูกเรียนได้ทุกๆหยด










   ผมยังจำเหตุการณ์ต่างๆที่แม่ผมพาเราบรรดาลูกๆไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ เพื่อให้ผมและน้องได้ศึกษาหาประสบการณ์ชีวิต เพื่อที่จะทำให้ผมแข็งแกร่งเข็มแข็ง เพื่อที่ชีวิตในอนาคตจะได้จดจำไว้เป็นประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตต่อไป
















   และท่านก็ยังเฝ้าเพียรสอนให้ตัวผมรู้จักความเข้มแข็ง อดทน ตั้งแต่เล็กจนโต













   ตลอดเวลาที่ผมเริ่มเติบโต ขึ้นมาเรื่อยๆ ผมก็เห็นแม่ผมเฝ้าสั่งสอนในทุกๆเรื่อง ให้ผมได้รับรู้ ทั้งเรื่องวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ควรประพฤติปฏิบัติ











   ส่วนลูกชายอย่างผมก็ปฏิบัติบ้าง ละเลยบ้างตามประสาลูกชายคนเดียว ที่ดื้อรัน และก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง


















   แต่เรื่องการเรียนการศึกษาของผม ในช่วงที่อยู่ในวัยเรียน ผมคิดว่าผมก็เป็นคนรักด้านการเรียนการศึกษาคนหนึ่งเหมือนกันนะครับ ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะแม่ของผมเฝ้าสั่งสอนและกระตุ้นให้ผมได้จดจำอยู่เสมอว่า "พ่อกับแม่ไม่มีสมบัติพัสฐานมากมายเหมือนคนอื่นจะให้ลูกนะ จะมีก็แต่ความพยายามที่จะส่งเสียให้ผมได้เรียนสูงๆ เพื่อที่จะได้นำเอาความรู้ความสามารถไปใช้ในการประกอบอาชีพ หาเลี้ยงตัวเองต่อไป"












   ถึงแม้ในช่วงการเรียน ผมจะไม่ได้เป็นคนที่เรียนเก่งกาจมากมาย อยู่ในระดับต้นๆ ของกลุ่มเพื่อนๆ ที่เรียนด้วยกัน แต่ในทีี่สุดผมก็เรียนจบพอที่จะเอาความรู้ ความสามารถ ไปแรกกับรายได้เพื่อนำมาหล่อเลี้ยงครอบครัว จนถึงทุกวันนี้
















   นอกจากผมจะพยายามทำเพื่อตัวเองให้สำเร็จตามคำสั่งสอนแล้ว อีกหนึ่งคำสั่งสอนของแม่ผม ก็คือการทำตัวให้เป็นประโยชน์กับส่วนรวม และประเทศชาติ ซึ่งผมคงจะฝังลึกเรื่องคำสอนเหล่านี้ของแม่ผม จนหลายครั้งในช่วงชีวิต ผมมีโอกาสได้ร่วมงานกับ หน่วยงานช่วยเหลือสังคมหลายหน่วยงาน อย่างเช่น มูลนิธิกู้ภัย ตำรวจอาสา ตำรวจโรงงาน ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ถ้าหากผมมีโอกาสจะนำมาเขียนเป็นบทความให้ท่านทั้งหลายชมต่อไป
   (ภาพถ่ายที่กองร้อยอาวุธเบา ที่ 3 ทหารเสือพระเจ้าตาก ค่ายวชิรปราการ จังหวัดตาก)










   ช่วงที่ผมยังหนุ่มแน่น ก็สร้างความปวดหัวทุกข์ร้อนใจ และห่วงกังวลให้กับแม่ผมหลายครั้งเหมือนกัน เพราะช่วงที่ผมยังอายุอยู่ในวัยหนุ่ม ก็คบเพื่อนมากมายมีทั้งดี ทั้งร้าย ประกอบกับผมเป็นคนใจร้อน ดังนั้นหลายครั้งก็ก่อวีรกรรมต่างๆ ทำให้แม่ต้องห่วงกังวล ทุกข์ใจหลายครั้ง















   จนช่วงที่ผมครบวัยบวชเรียน ผมรู้ว่าพ่อแม่ทุกคน รวมถึงแม่ผมด้วยเหมือนกัน ที่หวังจะเห็นลูกชายได้บวชเรียนทดแทนพระคุณ ตามความเชื่อของคนโบร่ำโบราณที่บอกกันมาว่า ถ้าใครมีลูกชายแล้วได้บวช พ่อแม่ญาติพี่น้องทั้งหลายที่มาร่วมงานบวช เวลาเสียชีวิตจะได้จับชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์








   ซึ่งลูกชายอย่างผมก็มีโอกาสได้บวชกับเขาเหมือนกัน และบุญกุศลถ้ามีจริงอย่างที่โบราณบอก ในช่วงที่ผมบวชขอให้บุญกุศลทั้งหมดจงโน้มนำไปให้แม่ของผม จงมีแต่ความสุข ความสำราญ อายุมั่นขวัญยืน อยู่เป็นร่มโพร่มไทร กับลูกๆ หลานๆ นานๆ ด้วยเทิด เจ้าพ่อคูณณณ...








   ช่วงตอนงานบวช ผมเห็นแม่ของผมเหนื่อย เหงื่อไคลไหลท่วมตัวเลย แต่ผมก็รู้ว่าลึกๆ แล้วแม่ของผมมีความสุขที่เห็นลูกชายบวชให้












   ภาพตอนที่พ่อกับแม่ตักบาตรในงานฉลองพระใหม่














   ภาพตอนที่ผมบวช ได้ฉายา "ถาวระคุโณ นามะ"




















   แม้แต่ตอนผมแต่งงาน แม่ผมก็ยังแนะนำสั่งสอนผม ในการใช้ชีวิตครอบครัวให้มีความสุข













   ภาพแม่ผม ในวันแต่งงานของผม















   แม่กับนก น้องสาวคนเดียวของผม ภาพถ่ายไว้เมื่อหลายปีที่ผ่านมาแล้ว



















   แม่ผมกับน้าเพี้ยน น้องสาวคนเล็กของท่าน ภาพถ่ายไว้หลายปีแล้ว



















   นอกจากเลี้ยงลูกๆ คือผมกับน้องสาวแล้ว หลานทุกคนที่เป็นลูกของผมกับน้องสาว ท่านก็ยังต้องเลี้ยงดูให้ ด้วยความรักและเอ็นดู
   โอปอกับหมิว ยังตัวเล็กๆอยู่เลย











   แม่กับพ่อ และญาติๆ ตอนที่มาเยี่ยมผมที่กรุงเทพฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแล้ว ตอนที่ผมเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ใหม่ๆ












   แม่ และญาติของท่าน ถ่ายไว้หลายปีแล้ว ตอนนั้นหมิวกับโอปอ ลูกและหลานของผมยังตัวเล็กๆ อยู่เลย













   แม่ของผมกับป้าหนู พี่สาวคนโตของแม่ผม ตอนนี้ป้าหนูเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว














   ภาพเลี้ยงหลานๆ ที่กำแพงเพชร ถ่ายไว้หลายปีแล้ว โอปอยังตัวเล็กๆ อยู่เลย




















   แม่กับป้าหนู ในช่วงสงกรานต์หลายปีแล้วครับ














   แม่กับพ่อผม ถ่ายไว้ในตอนที่พ่อผมยังไม่เสียชีวิต














   แม่กับพ่อผม ตอนที่พ่อผมเริ่มป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ซึ่งตอนนั้นแม่ผมดูเครียดมากเลย














   แม่ผมตอนมาเยี่ยมผมกับครอบครัวที่ชลบุรี















   แม่กับพ่อผม ถ่ายตอนที่ไปเที่ยวเมืองจำลองพัทยา














   แม่ผมถ่ายที่บางแสน ตอนที่พาหลานๆ มาเยี่ยมผมและครอบครัว















   แม่ผม ถ่ายไว้ตอนที่ผมกลับไปเยี่ยมบ้านที่กำแพงเพชร หลายปีแล้วครับ














   แม่ผมกับลูกและหลานๆ















   ช่วงที่พ่อผมเสียชีวิต ผมเห็นแม่ผมซึมเศร้า เหงาหงอยมาก แต่ท่านก็พยามยามบอกกับลูกว่าไม่เป็นอะไร













   แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าท่านเสียใจ กังวล และต้องการให้ลูกอยู่ใกล้ๆ














   แต่ด้วยถาระหน้าที่ และต้องกลับไปทำงานที่ชลบุรี ในตอนที่เสร็จงานศพพ่อ ผมเห็นแม่ร้องให้ตอนมาส่งผม ผมรู้สึกผิดอย่างไรไม่รู้ ที่ไม่สามารถอยู่ดูแลแม่อย่างใกล้ชิดได้











   ตั้งแต่พ่อผมเสียชีวิตแม่ผมต้องอยู่กับน้องสาวผมที่กำแพงเพชร ในขณะที่ผมต้องอยู่ชลบุรี













   หลายปีมาแล้วผมมีโอกาสกลับบ้านเพื่อไปเยี่ยมแม่ของผม ปีละสองครั้ง คือปีใหม่ และสงกรานต์ ซึ่งในความรู้สึกผมมันช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน












   ช่วงปีใหม่ ตอนที่ผมกลับไปเยี่ยมบ้านที่กำแพงเพชร














   ไม่บ่อยครั้งที่เห็นรอยยิ้มของแม่ผม ส่วนใหญ่ที่ยิ้มได้ ก็เพราะหลานๆ จอมดื้อทั้งหลาย













   พาแม่ไปเที่้ยวน้ำตกกับหลานๆ ตอนปีใหม่ 2554 จำได้ว่าในวันนั้นแม่เป็นลมแต่ไม่ยอมบอกใคร กลัวหลานๆ จะหมดสนุก













   แม่ผมกับลูกสาวสองคนของผม















   สงกรานต์ปี 2554 ที่บ้านโคน กำแพงเพชร














   ที่เขียนมาทั้งหมดผมพยายามจะเล่าเรื่องราวของพระคุณของแม่ผม แต่ผมคิดว่าก็คงจะเหมือนบทกลอนทั้งหลายที่บรรยายพระคุณแม่เอาไว้ ก็คือไม่สามารถจะหาอะไรมาเปรียบได้กับบุญคุณของแม่ สุดท้ายในวันแม่ของผมวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งลูกอย่างผมก็คงจะทำได้เพียงกราบเท้าขอบพระคุณแม่ที่ท่านเฝ้าอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูผมมาอย่างดี ผมขอให้วันนี้ และทุกๆวัน แม่ของผมจงมีแต่ความสุข ทั้งทางใจทางกาย โรคภัยอย่าเบียดเบียน อยู่เป็นร่มโพธ์ร่มไทรให้ลูกๆหลานๆ นานแสนนานด้วยเทิด

สวัสดีครับ..

ขอกราบไหว้บูชาพระคุณแม่ 
คุณเลิศแท้หาสิ่งใดไหนจักเหมือน 
ยามลูกผิดคุณแม่นั้นคอยเฝ้าเตือน 
ยามแชเชือนคุณแม่เราเฝ้าปลอบใจ 
ยามลูกทุกข์แม่พลอยทุกข์เหมือนกับลูก 
จิตแม่ผูกอยู่กับลูกไม่เหือดหาย 
แม้นชีวิตของลูกนั้นพลันมลาย 
จนวันตายจะไม่ขอลืมพระคุณ 
บุญอันใดลูกสร้างมาแต่ปางก่อน 
จงสะท้อนถึงพ่อแม่ผู้เกื้อหนุน 
เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกมาด้วยการุณย์ 
โอ้พระคุณแสนล้ำเลิศประเสริฐเอย 







2 ความคิดเห็น:

  1. ชมแล้วช่วยแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ ยินดีรับฟังครับ

    ตอบลบ
  2. แม่คือผู้ให้กำเหนิด พระคุณล้นฟ้า

    ตอบลบ