วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

พระ พี่ชาย พระอนนท์ ภูริปญโญ (อินทรโสภา)

    
        หลายเดือนมาแล้วผมไม่มีเวลามาเขียนเรื่องราวใน blog นี้เลย อันเนื่องมาจากเวลาที่ผ่านมามีเรื่องต้องทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานเรื่องการที่ทำอยู่ ที่ มีแต่ต้องรับผิดชอบงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งมีเรื่องส่วนตัว ภายในครอบครัวที่ต้องย้ายบ้านย้ายช่องใหม่ ทำให้ต้องใช้เวลาปรับตัว ปรับสภาพการใช้ชีวิตประจำวัน กันนานเหมือนกัน กว่าจะลงตัว รวมทั้งยังมีเรื่องราวการบ้านการเมืองที่ร้อนแรง มีเหตุการณ์ประท้วงรัฐบาลกัน ชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด แต่่ถึงกระนั้นในความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็เกิดเรื่องที่ทำให้ผมต้องได้มาเขียน blog บอกเล่าเรื่องราวให้ผู้ที่เข้ามาติดตามแวะเวียนเข้ามาชม blog ของผมได้รับทราบเรื่องราวจนได้ เพราะในช่วงแห่งความวุ่นวายนี้ ผมได้เสียพี่ชายสุดที่รักของผมไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งถึงแม้ว่า พี่คนนี้จะไม่ไช่พี่ชายแท้ๆ แต่ก็เหมือนพี่ชายแท้ๆคนหนึ่งของผม ก่อนหน้านี้ในช่วงวันวาเลนไทน์หลายปีแล้ว ผมเคยเขียน blog บอกเล่าเรื่องราว และในเนื้อหาผมได้กล่าวถึงพี่ชายคนนี้ของผม และผมเคยตั้งใจว่าจะนำเรื่องราวของพี่ชายคนนี้ มาเขียนเล่าประสบการณ์ และเรื่องราวสนุกสนานต่างๆที่เคยใช้ชีวิตร่วมทุกข์ ร่วมสุขกัน มาเล่าแบ่งปันให้กันฟัง ไม่นึกเลยว่าผมจะต้องมาเขียน blog เล่าเรื่องราวในตอนที่ต้องจากกันไปอย่างไม่มีวันกลับแบบนี้ พี่ชายของผมเป็นลูกชายคนโตของน้องสาวสองคนของป้า ซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆ ของแม่ผม พี่อายุมากกว่าผม 9 ปี ในช่วงวันเด็กพวกเราใช้ชีวิตร่วมกันที่หมู่บ้านเล็กๆ แถบชนบท ชื่อหมู่บ้านโคนเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเมื่อก่อน ก็เป็นหมู่บ้านเล็กๆเหมือนกับหมู่บ้านแถบชนบททั่วไป พี่ชายของผมคนนี้ ต่อไปขอเรียกพี่ว่าพี่นนท์ละกัน พี่นนท์ตอนเด็กๆจะติดตามพ่อของผมไปเรียนหนังสือตามโรงเรียนต่างๆ แล้วแต่พ่อของผมจะย้ายไปสอนที่ใหน อ้อลืมบอกไป ว่าพ่อของผมท่านเป็นครู จนเรียนจบ ป.7 สมัยนั้น พี่นนท์ยังมีโอกาสได้เรียนหนังสือต่อจนจบ ม.ศ.3 ที่โรงเรียนวชิรปราการ โรงเรียนดังภายในตัวจังหวัดสมัยนั้น พี่นนท์เรียนจบสูงมากในสมัยนั้น เพราะคนส่วนใหญ่ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับพี่นนท์นั้นเรียนจบกันแค่ ป.4 ก็ออกมาช่วยครอบครัว ทำไร่ทำนากันหมดแล้ว หลังจากเรียนจบออกมาไม่นาน ครอบครัวของพี่นนท์ก็ย้ายไปประกอบอาชีพที่ อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเดิม ประมาณ 60 กิโลเมตร ช่วงนั้นพี่นนท์กับผมก็ห่างกัน แต่ก็ไปมาหาสู่กันเสมอ พี่นนท์ตอนอายุครบบวชก็บวชทดแทนพระคุณพ่อแม่ 1 พรรษา ก็เหมือนกับลูกผู้ชายคนอื่นๆ อีกทั้งตอนช่วงเกณฑ์ทหาร พี่นนท์จับใบแดงได้เป็นทหาร และก็ได้ไปทำหน้าที่รั้วของชาติที่จังหวัดลพบุรีอยู่ 2 ปี แถมหน่วยที่พี่นนท์สังกัดก็เป็นหน่วยที่ขึ้นชื่อลือชามากจนถึงวันนี้ กองพันใบเล่แดงป่าหวาย ลพบุรี พี่นนท์ปลดทหารกลับมามีครอบครัวมีลูกชายหญิง 2 คนปลูกบ้านอาศัยอยู่ที่อำเภอคลองลาน โดยประกอบอาชีพทำไร่มันสัมปหลัง แต่รายได้ไม่ค่อยดีเลยย้ายครอบครัวกลับมาทำงานเป็น รปภ.ที่โรงงานน้ำตาลนครเพชร ที่บ้านโคนเหนือบ้านเดิม แต่ระหว่างทำงานที่โรงงานน้ำตาล ชีวิตครอบครัวกลับล้มเหลว ด้วยสาเหตุที่ผมไม่อยากบอกเล่า ทำให้พี่นนท์ใช้ชีวิตเปลี่ยนไป กลายเป็นคนติดเหล้า ติดยา ใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างไร้อนาคต ทำตัวสัมเลเทเมา เหมือนคนบ้าคนบอ จนหลายๆคนเอือมระอา






                แต่ถึงกระนั้นพี่นนท์ก็ยังช่วยเหลือญาติพี่น้องทุกคนที่ร้องขอ พี่นนท์กลายเป็นคนขี้เหล้าที่ทำตัวพูดจาตลกปกฮา ใช้ชีวิตแบบดูแล้วน่าจะสนุกสนานปราศจากความทุกข์ ความโศรก ความเศร้า แต่มีไม่กี่คนหรอกที่รับรู้ความรู้สึกที่แท้จริง ถึงความเศร้า ความเจ็บปวดรวดร้าวในหัวใจของลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่ถูกคนที่รักสุดหัวใจหลอกลวงสวมเขา จนเป็นที่อับอาย ในสายตาของญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ชาวบ้านที่รู้จัก หลายครั้งพี่นนท์กินเหล้าเมาแล้วแอบนอนร้องให้คนเดียวเพื่อบดบั้งความรู้สึกภายในไม่คนอื่นได้รับรู้ พี่นนท์มีครอบครัวอีกครั้งมีลูกชาย 2 คน แต่ถึงกระนั้นก็ยังใช้ชีวิตแบบสิ้นเปลืองต่อไป ทั้งยังกินเหล้า รับจ้างพ่นยาสารเคมี โดยไม่ป้องกันอันตราย ในช่วงก่อนมีครอบครั้งที่สองพี่นนท์ก็เคยตามผมไปทำงานหลายที่ทั้งในกรุงเทพฯ อุดรฯ ขอนแก่น ซึ่งก็มีทั้งเรื่องทุกข์ เรื่องสนุกสนาน ด้วยกันหลายปี ก่อนจะกลับมาอยู่ที่บ้านโคนเหนือเหมือนเดิม
              พี่นนท์ตัดสินใจบวชอีกครั้งเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ด้วยเหตุผลเพราะเบื่อการใช้ชีวิตที่ทำอยู่ ก่อนตัดสินใจบวช พี่นนท์ได้ปรึกษาญาติผู้ใหญ่หลายคน จนทำให้บางคนกังวลใจว่าพี่นนท์อาจจะคิดสั้นหรือเปล่า ร่วมถึงไม่มั่นใจว่า พี่นนท์จะสามารถบวชได้จริงๆ เพราะจากการประพฤติตัวจากที่เล่าข้างต้น วันสุดท้ายที่มาขอลาบวช ทุกคนใจหาย รวมถึงผมก็ยังรู้ว่าในคืนสุดท้ายที่ตัดสินใจบวช พี่นนท์นอนร้องให้ทั้งคืน ในระหว่างบวชพี่นนท์ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนธรรมะ จนเป็นที่แปลกใจของญาติพี่น้อง รวมถึงชาวบ้านที่รู้จักมักคุ้น จนทำให้เป็นที่ชื่นชอบของเจ้าอาวาส และยังสามารถสอบได้ นักธรรมเอกภายใน 4 พรรษา อีกทั้งยังได้เป็นพระอาจารย์สอนพระสงฆ์รุ่นใหม่ๆ ที่เข้ามาศึกษานักธรรมต่อไปด้วย

          หลวงพี่นนท์เกิดอาการป่วยอย่างกระทันหันและมรณะจากผมและคนอื่นๆไปด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2554 ด้วยอาการตับวาย เพียงแค่อายุ 54 ปี ซึ่งก็น่าจะเกิดจากการสะสมทำลายจากการกินเหล้า พ่นยาสารเคมีโดยไม่มีการป้องกัน ตอนเป็นคราวาสอยู่ ผมมีเรื่องราวของหลวงพี่มากมายที่อยากจะบอกเล่า แต่หลายคนคงเบื่อ แต่เมื่อผมไปร่วมงานศพของหลวงพี่ ผมก็ได้เห็นภาพที่ประทับใจหลายอย่างที่อยากจะบอกเล่า นำเสนอเพื่อเป็นอุทาหรณ์และเสนอความภาคภูมิใจของหลวงพี่ผม ที่ทำให้ญาติพี่น้องต้องแปลกใจ เพราะจากคนที่น่าจะใช้ชีวิต และทำตัวเลวสุดๆ แต่สามารถกลับเนื้อกลับตัวมาทำดีสุดๆ ภายใน 7 ปีได้ จนเป็นที่ยอมรับของสังคม ดังนั้นคนที่ทำอะไรไม่ดีไว้ในเรื่องต่างๆ หากคิดกลับเนื้อกลับตัว ผมว่าสังคมให้อภัยได้เสมอ
                  ในระหว่างเตรียมสถานที่ เตรียมงานฌาปนกิจ ผมมีโอกาสพูดคุยกับพระสงฆ์หลายรูป ที่ช่วยงานกันอย่างขยันขันแข็ง หลายองค์เป็นพระที่อยู่วัดเดียวกันมานาน หลายองค์เป็นศิษย์นักธรรมของหลวงพี่ บอกว่าพวกเขาคือญาติใกล้ชิดของหลวงพี่ เป็นญาติทางธรรม ส่วนพวกผม น่าจะเป็นญาติห่างไกลแล้ว คือเป็นญาติทางโลก เพราะหลวงพี่ได้ตัดทางโลกแล้วตั้งแต่ตัดสินใจบวช
              ญาติทางธรรม กับ ญาติทางโลก ช่วยกันเตรียมงานส่งวิญญานสู่สวรรค์ และในช่วงเย็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 ก็ได้เคลื่อนร่างของหลวงพี่ขึ้นเมรุลอย ปราสาทแดนสวรรค์
เณรลูกชาย
เณรลูกชาย
           ในช่วงกลางคืนก็มีพิธีกรรมต่างๆมากมาย
อพปร.มาช่วยอำนวยความสะดวก
ผู้หลักผู้ใหญ่มาเป็นประธาน
พระครูแตเจ้าอาวาสเทศหน้าศพ
                 จากเรื่องราวที่นำเสนอนี้อยากให้ทุกคนที่เข้ามาชม Blog ได้คิดเป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า การที่คนบางคน ทำตัวไม่ดี อาจไม่ไช่เพราะเขาเป็นคนไม่ดี แต่เขาอาจมีสาเหตุหรือเหตุผลบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขาต้องทำตัวไม่ดีก็ได้ คนทุกคนมีความคิดและวิถีชีวิตของตัวเอง ยากที่จะเข้าใจและกำหนดให้เขาทำ แต่หากกลับเนื้อกลับตัว ก็สามารถทำให้สังคมยอมรับได้ คนไทยใจดี โอบอ้อมอารีอยู่แล้วครับ อีกทั้งยังให้ผู้เข้าชม Blog ได้เห็นพิธีกรรมการฌาปนกิจพระสงฆ์ เพราะไม่บ่อยนักหรอกครับที่เห็น ส่วนใหญ่จะเห็นเฉพาะพิธีกรรมการฌาปนกิจคนธรรมดา
  

 
น้อมก้มกราบวันทาสาธุหัตถ์
ปรมัตถ์สัตยาอธิษฐาน
เดินเวียนทักษิณาสาธุการ
บรมศานต์องค์ปฐมมุนินทร

ขออัญเชิญพรหมอินทร์แลเทพไท้
ทุกภพไตรโขดหินแลสิงขร
คนธรรพ์ ครุฑ ยักษ์ ยม นาค นาคร
ประนมกรสาธุโมทนา

ณ บัดนี้ศรีฤกษ์เบิกสวัสดิ์
เจริญวัตรสัทธรรมพระศาสนา
เดินตามรอยแห่งองค์พระสัมมา
บวชบูชาคุณพระรัตนตรัย

ขอทุกท่านน้อมธรรมนำดวงจิต
กลั่นนิมิตรกลางกายให้สุขใส
รองรับบุญทบทวีจากแดนไตร
ปวงเทพไท้แซ่ซ้องสาธุการ.




 ภาพ VDO พิธีจุดไฟฌาปนกิจ พระอาจารย์ อนนท์ ภูริปัญโญ